เที่ยวสุรินทร์ เมืองช้าง ห้ามพลาดชม ! โลกของช้าง ที่ Elephant World

คนยุคใหม่ไปสุรินทร์ไม่กินสุรา และยังต้องห้ามพลาดไปชมโลกของช้าง เพราะสุรินทร์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองช้าง ตั้งแต่สมัยอยุธยามาแล้วที่ช้างดีช้างดัง ต้องมาจากเมืองนี้

ประวัติศาสตร์เรื่องช้างที่เมืองสุรินทร์จึงมีมาอย่างยาวนาน รวมทั้งเป็นจังหวัดที่ยังมีหมอช้างหลงเหลืออยู่ เช่นเดียวกับหลักฐานยืนยันว่าคนสุรินทร์เชี่ยวชาญเรื่องช้างอย่างมากจากการมีหมู่บ้านช้างที่ บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ที่เป็นที่รู้จักระดับโลก โดยเฉพาะการมีนักแสดงฮอลลีวูดชาวไทยเชื้อสายกูย อย่าง จา พนม ที่ผูกพันกับช้างจนทำให้ชื่อเสียงเรื่องช้างของจังหวัดสุรินทร์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

แต่เมืองช้างยุคใหม่ที่บ้านตากลาง กำลังถูกเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้นด้วยการเกิดขึ้นของโลกของช้าง หรือ Elephant World สถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่ของจังหวัดสุรินทร์ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ บนพื้นที่กว่า 500 ไร่

โลกของช้าง หรือ Elephant World เริ่มเปิดตัวเมื่อกลางปี 2563 ถือว่ายังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เพราะสถานการณ์โควิด-19 รุมเร้าทั้งประเทศ

แต่เชื่อแน่ว่า ถ้าความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมที่ออกแบบให้ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมเกี่ยวกับช้างยุคเก่ากับดีไซน์ที่ดูทันสมัยถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อไร ผู้คนจำนวนมากต้องอยากจะมาเยือนอย่างมิต้องสงสัย อีกทั้งความตั้งใจของการพัฒนาโครงการนี้ของจังหวัดสุรินทร์ ยังมุ่งหวังที่จะให้โลกของช้าง เป็นที่สืบสานความเป็นเมืองช้าง ด้วยการมีศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกด้วย

ภายในพื้นที่จึงจัดให้มีการแสดงเรื่องราวของช้างทุกแง่มุม เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาข้อมูลทางวิชาการของช้าง ให้สมกับเป็นโลกของช้างอย่างแท้จริง

แน่นอน!!! ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่จะมีช้างอยู่มากที่สุดในโลกด้วย

โลกของช้าง Elephant World ยังเปิดไม่ครบ 100% แต่ก็คุ้มหากใครคิดจะไปเยือนตั้งแต่ตอนนี้ เพราะจะได้พบกับความโดดเด่นของตัวอาคารสวยแปลกอลังการที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เห็นพีระมิดในอียิปต์ จนมีการตั้งฉายากันแล้วว่าที่นี่คือ “อียิปต์เมืองสุรินทร์”

ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมก่ออิฐ ออกแบบโดยสถาปนิกจาก Bangkok Project Studio ผู้ชำนาญงานออกแบบวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งนอกจากออกแบบเพื่อให้เป็นที่ท่องเที่ยวและโลกของช้างแล้ว ยังออกแบบบ้านหลังใหญ่มาเพื่อให้คนกับช้างอยู่ร่วมกันได้

ในพื้นที่กว่า 500 ไร่นี้ มีอะไรบ้างไปดูกัน

ชวนชาวกูยกลับมาอยู่บ้าน – หมู่บ้านช้างบ้านตากลางเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวกูย ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้มานานหลายร้อยปี ชาวกูยมีฝีมือการเลี้ยงและฝึกสอนช้างที่เก่งกาจเหนือชั้นกว่าใคร เป็นภูมิปัญญาที่ชาวกูยสืบทอดแบบรุ่นสู่รุ่น

แต่กาลเวลาเปลี่ยน แทนที่จะเลี้ยงช้างอยู่บ้านในวิถีแบบเดิม แต่มีการนำช้างไปเร่ร่อน เมื่อคิดที่จะพาช้างและคนเลี้ยงกลับถิ่น ผู้พัฒนาโครงการจึงเริ่มตั้งแต่ปลูกป่า เพื่อหาแหล่งอาหารให้ช้าง และเชื่อว่าสุดท้ายชาวกูยเองที่เลี้ยงช้างก็ต้องมีรายได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการเกิด โลกของช้าง “Elephant World” ขึ้นมา

ลานแสดงช้าง หรือ Elephant Stadium ที่ต้องยึดขนาดของช้างเป็นหลัก เพื่อให้คนที่มาเที่ยวรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในบ้านของช้าง สถาปนิกจึงเลือกที่จะปรับรูปทรงหลังคาจั่วของบ้านชาวกูยดั้งเดิม มาใช้ในการสร้าง

หอชมทิวทัศน์อิฐ (Brick Observation Tower) ที่โดดเด่นสะกดทุกสายตาด้วยความสูงกว่า 23 เมตร แบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ชั้น แต่เดินแล้วไม่เมื่อย เพราะสถาปนิกจงใจออกแบบให้ผู้เยี่ยมชมไม่ต้องรีบร้อนเดินขึ้นไปยังยอดบนสุดโดยไว ด้วยการเจาะช่องโล่งจำนวนมากไว้ในโครงสร้างผนังโดยรอบ เพื่อให้สามารถชมวิวจากหลายมุมมองได้ในทุกก้าวเดิน

Elephant Museum เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งหน้าตาคล้ายพีระมิดผสมเขาวงกต สร้างจากอิฐดินเผากว่า 480,000 ก้อน ที่ทางเข้าอาคารออกแบบมาให้ค่อยๆ ก่ออิฐเพิ่มความสูงเป็นเว้าโค้ง ให้ความรู้สึกของการเป็นประตูที่ค่อยๆ พาคนตัวเล็ก ๆ เข้าไปสู่โลกของช้างอย่างแท้จริงและตัวพิพิธภัณฑ์ยังเปิดแนวกำแพงอิฐตามมุมต่าง ๆ เพื่อให้ช้างสามารถเดินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงได้ด้วย

  • ที่ตั้ง : บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
  • เปิด ทุกวัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.