เชฟหนึ่งดาว Michelin เปิดร้านใหม่ในภูเก็ต เสิร์ฟเมนูคุ้นเคยด้วยเทคนิคไฟน์ไดนิ่ง
การเปิด SōL Phuket ของเชฟ Top Russell ไม่ใช่การย้ายฐาน ไม่ใช่การปิดบทหนึ่งเพื่อเปิดอีกบทหนึ่ง แต่เป็นการสร้าง “พื้นที่เพิ่ม” ให้กับชีวิตที่โยงตัวเองระหว่างกรุงเทพและภูเก็ต เชฟยังคงดูแลร้าน Mia ในกรุงเทพเหมือนเดิมทุกอย่าง ส่วน SōL Phuket คือโปรเจกต์ที่สะท้อนอีกด้านหนึ่งของตัวตน เชฟอยากมีบ้านหลังที่สองที่อบอุ่นพอให้คนหลากหลายสไตล์มานั่งกินด้วยกันได้ โดยไม่ต้องมานั่งถกกันว่าอยากทานอะไร เพราะร้านนี้ออกแบบให้เป็น All-Day Dining ที่รวมอาหารหลายวัฒนธรรมไว้ในที่เดียว แต่ทุกจานมีหัวใจเดียวกันคือความละเอียดแบบไฟน์ไดนิ่งที่เชฟเชี่ยวชาญมาตลอด
สำหรับ Sineha Bangkok ความรู้สึกแรกที่ได้เดินเข้ามาคือความเป็นกันเองของร้าน แม้จะสวยและร่วมสมัย แต่ให้ความรู้สึก “เปิดบ้านต้อนรับเพื่อน” มากกว่าร้านที่เคร่งครัด บรรยากาศอบอุ่นแบบที่อยากนั่งยาวได้ทั้งวัน ตั้งแต่แสงเช้าของบรันช์จนถึงค่ำที่โต๊ะเริ่มเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เชฟและทีมตั้งใจให้ SōL Phuket เป็นที่รวมตัวของคนที่อยากกินอะไรก็ได้ในแบบที่อร่อยและสบายใจที่สุด
แม้จะเป็นร้าน All-Day Dining แต่จุดแข็งของ SōL ไม่ได้อยู่ที่ความหลากหลายเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การทำให้ทุกจาน “สมเหตุสมผล” และ“สมรสชาติ” ในระดับที่รู้เลยว่าคนทำมีประสบการณ์จริง ทุกจานที่ Sineha Bangkok ลองในวันนั้น คือภาพสะท้อนว่าวัตถุดิบดี เทคนิคเป๊ะ และรสอร่อยแบบที่กินได้ทุกวันไม่หนักเกินไป
Rocket Parmesan Salad ราคา 380 บาท จานเปิดที่ดูง่ายแต่ถูกทำด้วยความตั้งใจ ร็อกเก็ตสด คัตชีสพาร์เมซานบางพอดี และซอส port reduction ได้ความหวานลึกแบบไวน์ ทำให้ทั้งจานสด สว่าง และเริ่มมื้อได้ดีมาก เหมาะจะวางเป็นภาพแรกของบทความด้วยเพราะสีสดสวยมาก
Cured Trout ราคา 325 บาท ปลาเทราต์ดองอย่างประณีต รสละมุน ไม่คาวเลย เจอกับ kombu dressing หอมอูมามิและ dill cream ที่สดแบบสมุนไพร ทำให้ทั้งจานกินง่ายแบบสากลผสมญี่ปุ่นนิดๆ ภาพจานนี้เหมาะกับการวางคู่บรรยากาศร้าน
Classic Bennies ราคา 320 บาท เมนูบรันช์ที่คนชอบไข่ต้องยิ้ม เสิร์ฟคู่ Parisian Ham หรือ Smoked Salmon ซอส hollandaise ของร้านนี้เบากว่าทั่วไป ทำให้กินได้เรื่อยๆ แบบไม่รู้สึกเลี่ยน เป็นอีกจานที่เห็นความละเอียดของทีมครัวชัดเจน
Tasmanian Salmon ราคา 680 บาท ปลาแซลมอนนชิ้นหนาและสดมาก ปรุงแบบหนังกรอบ เนื้อในฉ่ำ juicy เสิร์ฟคู่ cucumber salsa ที่ให้ความสดฉ่ำ และ pea puree ที่เพิ่มความครีมแบบผักสีเขียว ทำให้ทั้งจานไม่หนักจนเกินไป ออกมาเป็นรสที่สมดุลแบบทะเลสมัยใหม่
Thai Green Curry ราคา 620 บาท แม้จะใช้แกงเขียวหวานแต่ไม่ใช่อาหารไทยดั้งเดิม เพราะเชฟเล่าใหม่ด้วย short rib เคี่ยวร่วนและ pomelo ที่ให้ความเปรี้ยวหวาน เสิร์ฟคู่ pappardelle เส้นกว้าง จานนี้คือการเอาไทยและอิตาเลียนมาคุยกันแบบละมุนๆ เห็นชัดว่าเชฟเติบโตมากับหลายวัฒนธรรม
Vongole ราคา 540 บาท สปาเก็ตตี้หอยลายที่เน้นกลิ่นไวน์ขาว กระเทียม confit และน้ำซุปทะเลแบบใสสะอาด รสไม่หนักแต่กลิ่นหอมมาก เป็นจานเส้นที่เหมาะทั้งกลางวันและกลางคืนแบบไม่ต้องคิดเยอะ
Pork Collard with Kimchi ราคา 795 บาท หมูนุ่มแบบลืมคำว่านุ่มเดิมๆ ไปได้เลย เนื้อมี texture กำลังดีแต่ฉ่ำแบบเคี่ยวมานาน ส่วนคิมชีให้ความกรุบและเปรี้ยวเค็ม จานนี้คือจุดที่ All-Day Dining มีความสนุก เพราะเป็นได้ทั้งคอมฟอร์ตฟู้ดและจานแชร์สำหรับโต๊ะใหญ่
Soft Baked Cookie ราคา 295 บาท คุกกี้แบบนอกกรอบในหนึบที่อบใหม่ๆ เสิร์ฟตอนอุ่น รสชาติเรียบง่ายแต่ถูกทำอย่างมืออาชีพมาก กินกับกาแฟคือจบสวย
Sticky Pudding ราคา 285 บาท ของหวานเข้มข้น สไตล์อังกฤษหวานมัน คนชอบหวานคือหลง คนไม่ชอบหวานอาจจะรู้สึกหนัก แต่เป็นเมนูที่ปิดท้ายได้มีคาแรกเตอร์ชัดเจน
ในภาพรวม SōL Phuket ไม่ได้เป็นร้านอาหารไทย ไม่ใช่ร้านตะวันตก ไม่ใช่ร้านฟิวชัน แต่เป็นพื้นที่กลางที่รวมอาหารที่ทุกคนคุ้นเคยไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ซีฟู้ดสด เมนูบรันช์แบบยุโรป อาหารเส้นแบบอิตาเลียน ไปจนถึงอาหารไทยที่เชฟเล่าใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างถูกเล่าในสไตล์ที่เข้าถึงง่ายและจริงใจ เหมือนเป็นบ้านหลังที่คนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวจะแวะมาบ่อยๆ แบบไม่ต้องคิดเยอะ
สำหรับ Sineha Bangkok นี่คือร้านที่เสริมเสน่ห์ให้กับภูเก็ตในแบบร่วมสมัย เป็นร้านที่มีหัวใจชัดเจนว่า “อาหารคือพื้นที่กลางที่ทำให้ผู้คนมาเจอกัน” และเป็นอีกก้าวหนึ่งของเชฟ Top Russell ที่สะท้อนตัวตนทั้งความเป็นมืออาชีพ ความละเอียด และความรักต่อบ้านเกิดในระดับที่สัมผัสได้จริง
SōL Phuket คือร้านที่คุณสามารถพาใครมาก็ได้ และทุกคนจะมีจานที่ชอบเสมอ นี่แหละคือเสน่ห์ของ All-Day Dining ที่ทำด้วยหัวใจของเชฟที่ตั้งใจจริงทั้งสองเมือง ทั้งกรุงเทพและภูเก็ต
SōL Phuket – Boat Avenue Lakefront เชิงทะเล ภูเก็ตเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8:00 am – 23:00 pmโทรศัพท์ +66 84 364 4919