ทำไม ‘พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์’ ถึงถูกพูดถึงอีกครั้งในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของไทย

ช่วงเวลาหลังการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง เป็นจังหวะที่ผู้คนทั่วประเทศหันกลับมารำลึกถึงพระจริยวัตร ความงามละเมียดละไม และ “ฉลองพระองค์” ที่ทรงสวมใส่ในวาระสำคัญต่าง ๆ ทั้งในประเทศและบนเวทีระดับโลก ความงามของชุดไทยและชุดราตรีจากผ้าไหมไทยที่ถูกยกระดับให้เทียบชั้นกับเครื่องแต่งกายชั้นสูงของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและราชวงศ์นานาชาติ กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำร่วมที่สะท้อนพลังของซอฟท์เพาเวอร์ไทยได้ชัดที่สุด

เมื่อสังคมเริ่มถามหาผู้อยู่เบื้องหลังงานศิลป์เหล่านั้น ชื่อหนึ่งที่ถูกเอ่ยซ้ำมากที่สุดคือ “พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์” ดีไซเนอร์หญิงผู้ก่อตั้งห้องเสื้อ Atelier Pichita และหนึ่งในผู้ถวายงานฉลองพระองค์ให้สมเด็จพระพันปีหลวงมายาวนานหลายวาระ จนถูกยกย่องว่าเป็นดีไซเนอร์ที่ “เก็บรายละเอียดของความเป็นไทยไว้ครบ และนำเสนออย่างร่วมสมัยที่สุด”
ศิลปินแห่งผ้าไหมไทย—หญิงเก่งหลัง Atelier Pichita
พิจิตรา คือดีไซเนอร์ที่เติบโตมาจากงานคราฟต์ที่ละเอียดลึกอยู่แล้ว เธอเคยศึกษาด้านแฟชั่นจากประเทศฝรั่งเศส ก่อนกลับมาเปิดห้องเสื้อของตัวเองตั้งแต่ยุค 1980 และสร้างชื่อจากความพิถีพิถันเป็นพิเศษ ทั้งงานปัก งานคัตติ้ง และความสามารถในการตีความ “ความไทย” ให้ร่วมสมัยโดยไม่ตกหล่นความงามดั้งเดิม นั่นคือเหตุผลที่เธอได้รับความไว้วางใจในการถวายงานเป็นครั้งคราวแก่สมเด็จพระพันปีหลวงตลอดหลายทศวรรษ
งานของพิจิตราไม่ได้โดดเด่นแค่ความวิจิตร แต่ยังเต็มไปด้วยความหมาย—ทุกลายผ้า ทุกโทนสี ทุกชิ้นส่วนล้วนถูกเลือกบนฐานวัฒนธรรม ความเหมาะสม และกาลเทศะตามธรรมเนียมราชสำนัก เป็นระดับงานที่ต้องใช้ทั้งประสบการณ์ ความเข้าใจ และความเคารพสูงสุด

กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะ “ฉลองพระองค์ที่โลกจับตามอง”
ในช่วงที่คนไทยย้อนมองโมเมนต์สำคัญต่าง ๆ ของสมเด็จพระพันปีหลวง ภาพชุดไทยและชุดราตรีที่งดงามอย่างมากมายปรากฏเต็มไทม์ไลน์ และหลายชุดในนั้นคืองานออกแบบโดยพิจิตรา นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกพูดถึงอีกครั้งในฐานะ “ดีไซเนอร์ผู้สืบความงามของไทยขึ้นสู่เวทีโลก”
กระแสนี้ถูกกระชับยิ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ระหว่างการเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของสมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 10 ชุดทรงหลายลุคที่พระองค์ทรงสวมใส่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวางทั้งจากคนไทยและสื่อจีน ทั้งในด้านพระจริยวัตรอันสง่างาม และความงดงามของฉลองพระองค์ซึ่งทำจากผ้าไหมไทย ผลงานเบื้องหลังของชุดเหล่านี้มีชื่อของ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ ร่วมด้วยอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งที่ทรงฉลองพระองค์ชุดไทยเสด็จเยือนภูฏาน
นี่คือเหตุผลที่ชื่อของเธอถูกค้นหา ถูกพูดถึง และถูกนำกลับมาวิเคราะห์ในฐานะแรงสนับสนุนสำคัญของ Soft Power ไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คนทั้งประเทศต่างทบทวนบทบาทของฉลองพระองค์ในความทรงจำร่วมของชาติ

ทำไมพิจิตราจึงเป็นดีไซเนอร์ที่ถูกยกย่องมากที่สุดในช่วงนี้
1. ความเข้าใจลึกซึ้งต่อ “ความเหมาะสมแห่งราชสำนัก”
งานของพิจิตราไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องเหมาะสมทุกระดับ ตั้งแต่งานเย็บมือจนถึงความหมายของลวดลาย เธอเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่ทำงานตรงนี้ได้อย่างกลมกลืนที่สุด
2. ความเชี่ยวชาญด้านผ้าไหมไทย
เธอเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันผ้าไหมไทยบนเวทีแฟชั่นระดับสากลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผ้าไทยไม่ถูกมองว่าล้าสมัย แต่เป็น high craftsmanship ที่เทียบได้กับ haute couture
3. ความเป็น “ครู” ของวงการแฟชั่นไทย
นอกจากการออกแบบ เธอยังมีบทบาทในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้คนรุ่นใหม่ ผ่านประสบการณ์กว่า 40 ปีในวงการ และบทสนทนาจากสื่อแฟชั่นชั้นนำที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของเธอ
4. เป็นสัญลักษณ์ของ Soft Power ที่เป็นรูปธรรม

เมื่อชุดทรงถูกเผยแพร่โดยสื่อจีนและไทยพร้อมกัน ชื่อของพิจิตราจึงถูกดึงมาร่วมบทสนทนาในภาพใหญ่ของซอฟท์เพาเวอร์ แฟชั่นชุดไทย วัฒนธรรมไทย และความภาคภูมิใจร่วมของประเทศ
ในวงการแฟชั่นไทย พิจิตราไม่ใช่แค่ดีไซเนอร์ระดับตำนาน แต่เป็น “ศิลปินผู้รักษาสมดุลระหว่างความวิจิตรแบบไทยกับความร่วมสมัยแบบนานาชาติ” และในช่วงเวลานี้ ที่คนทั้งประเทศหวนกลับมาพูดถึงฉลองพระองค์ของสมเด็จพระพันปีหลวง รวมถึงที่สนใจความงดงามของชุดทรงในภารกิจระดับโลก ชื่อของ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ จึงกลับมายืนอยู่แถวหน้าอย่างสง่างามอีกครั้ง

เธอไม่ได้เพิ่งโด่งดัง แต่เป็นบุคคลที่ “ทุกคนเพิ่งหันกลับมามองใหม่”
ในฐานะหนึ่งในคนทำงานเบื้องหลังความงดงามที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ของชาติ
