ถ้าจะบอกว่าเวียดนามเป็นตัวพ่อเรื่องกาแฟของอินโดจีนก็คงไม่ผิดนัก
เพราะนอกจากลาวที่มีแหล่งปลูกกาแฟชื่อดังที่บอละเวนถิ่นภูเขาไฟเก่าทางลาวใต้อันลือชื่อ แต่เวียดนามนอกจากมีแหล่งปลูกกาแฟที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กันอย่างแถวดาลัด เมืองท่องเที่ยวชื่อดังจากที่เคยเป็นเมืองตากอากาศสมัยฝรั่งเศสยึดครองบริเวณตอนกลางของประเทศแล้ว ฝรั่งเศสยังได้ทิ้งวัฒนธรรมกาแฟให้กับคนเวียดนามไว้ด้วย จนหลายเมืองในเวียดนามเต็มไปด้วยคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์ฉบับเวียดนามและค่อยๆ พัฒนารูปแบบที่หลากหลายขึ้นอีกมากมาในปัจจุบัน
เรียกว่าใครไปเวียดนาม แทบจะไม่มีใครยอมพลาดลองชิมกาแฟเวียดนาม ต่อให้ไม่ใช่คอกาแฟ อย่างน้อยไปถึงเวียดนามทั้งที ก็ต้องมาให้ถึงถิ่นด้วยการสัมผัสกับคาเฟ่สไตล์เวียดนามให้ได้
แล้วถ้าเป็นคอกาแฟ รอบนี้รับรองจะต้องถูกใจ เพราะเราจะพาคุณๆ คอกาแฟไปลุยอพาร์ทเมนท์เก่าขนาด 9 ชั้น ที่เป็นแหล่งรวมร้านกาแฟเวียดนามหลากหลายสไตล์ ชนิดที่คำพูดที่ได้ยินมาว่า คนเวียดนามกินกาแฟวันละ 3 เวลา แต่ถ้ามาที่นี่แล้วอยากจะลองให้ครบทุกร้านก็คงต้องเปลี่ยนมาเป็น จิบกาแฟตลอดเวลาแทน
ว่าแล้วก็ตาม Sineha Bangkok ไปชมคาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ (Café Apartment) กันเลยดีกว่า
คาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ เดสติเนชั่นฮิปของโฮจิมินห์ซิตี้ ต้องไม่พลาดไปเช็คอิน
โอกาสที่ใครไปเที่ยวโฮจิมินห์ซิตี้ ของเวียดนาม แล้วจะได้แวะไป คาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทำเลของตึกอพาร์ทเมนท์ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญบนถนนเหวียดเหวด (Nguyen Hue)
ถนนนี้เคยเป็นคลองถูกบูรณะขึ้นมาให้เป็นถนนตัดตรงมีความยาวเพียง 700 เมตร เป็นวอล์คกิ้งสตรีทที่ถอดตัวจากหน้าศาลาว่าการนครโฮจิมินห์ ไปยังท่าเรือบักดัก
สภาพถนนแอบคล้ายถนนชองเซลิเซ่ที่ปารีส เพียงแต่ให้รถวิ่งแค่ตรงทางคู่ขนานสองฝั่ง ตรงกลางที่ควรจะเป็นพื้นถนนถูกทำเป็นลานกว้างเพื่อให้เป็นถนนคนเดินอย่างแท้จริง สองข้ามลานติดถนนสองฝั่งมีต้นไม้ปลูกเรียงราย
นอกจากศาลาว่าการนครฯ ที่กรุ๊ปทัวร์นิยมพาลูกค้าไปแวะ กรุ๊ปทัวร์หลายแห่งยังนิยมพาลูกทัวร์ไปรับประทานอาหารค่ำชมวิวแม่น้ำไซ่ง่อนที่ภัตตาคารเอลิซ่า (Elisa Floating Restaurant) ซึ่งเป็นเรือสำเภาโบราณไม้ 3 ชั้นที่จอดอยู่ริมฝั่งตรงท่าเรือด้วย
ดังนั้น เมื่อทั้งหัวถนนและท้ายถนนต่างมีเดสติเนชั่นของการท่องเที่ยว ก็ไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสแวะคาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ ที่อยู่บริเวณกึ่งกลางถนนสายนี้ได้ไม่ยากนัก
รูปทรงของอพาร์ทเมนท์เก่าๆ ถ้าไม่แหงนขึ้นไปมองร้านกาแฟและร้านค้าต่างๆ ด้านบนที่ตกแต่งร้านไว้อย่างโดดเด่นเสียก่อน ก็อาจจะเรียกว่าบริเวณด้านหน้าทางเข้าอพาร์ทเมนท์ไม่มีอะไรสะดุดน่าแวะเอาเสียเลย
เว้นเสียแต่เวลาเดินผ่านหลายคนคงจะเอะใจบ้างไม่ยาก เพราะอาจจะสงสัยว่าบริเวณทางเข้าอพาร์ทเมนท์ที่ดูเหมือนทางเดินเข้าตรอกเล็กๆ แถวย่านสำเพ็งบ้านเรา ทำไมมีคนเดินเข้าออกมากมายตลอดเวลา แล้วดูจากการแต่งตัวก็เป็นนักท่องเที่ยวเสียมากกว่าเป็นคนท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด
สภาพของของคาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ ดูจากภายนอก ไม่มีอะไรเร้าใจน่าหลงใหลอย่างที่บอกนี่แหละ เพราะเก่าตามสภาพของตึกที่สร้างมานานตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 แม้ปัจจุบันจะได้ชื่อว่าเป็นเดสติเนชั่นซูเปอร์ฮิปของเมืองก็ตาม
ที่นี่เคยเป็นที่พักเก่าของทหารอเมริกัน ฮิปขึ้นมาเพราะกลายเป็น แหล่งรวมร้านกาแฟ ชา เครื่องดื่ม รวมทั้งร้านขนมหวาน และเบเกอรี่ ที่ใครๆ ก็ต้องไปเช็คอินอย่างที่บอก แต่ละร้านแข่งกันจัดร้าน มีหลายสไตล์ทั้งโมเดิร์น เท่ เก๋ แต่ที่มีเสน่ห์คือการผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมเวียดนามอย่างลงตัว
คาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ สะท้อนวัฒนธรรมกาแฟของเวียดนามได้อย่างดี เพราะที่นี่ไม่ได้ฮิตขึ้นมาตามกระแส แต่ตึกนี้ถูกรีโนเวทให้มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านเสริมสวย ตัดผมทำเล็บ ร้านหนังสือ ร้านซูชิ ร้านเสื้อผ้า ฯลฯ ในที่เดียวตั้งแต่ปี 2518 ที่เวียดนามรวมประเทศ และแต่ละร้านก็มีการตกแต่งด้วยสไตล์ที่แตกต่างกันไป รวมทั้งเป็นธรรมดาที่จะเห็นร้านใหม่หมุนเวียนเข้ามาแทนร้านเดิมที่ว่างลงเช่นกัน ไม่ต่างจากห้องพักที่หมุนเวียนเปลี่ยนผู้เช่าไปตามกาลเวลา
แต่เพราะความที่มีร้านหลากหลายสไตล์รวมกันอยู่ในที่เดียว ทำให้ที่นี่เหมาะมากสำหรับการพักผ่อน ไม่ว่าจะแวะมาจิบชา กาแฟ กินเค้ก หรือดื่มด่ำบรรยากาศชิคๆ สัมผัสกลิ่นอายวินเทจปนโมเดิร์น ซึ่งขอแนะนำว่า ไม่ว่าจะเข้าร้านไหนเลือกนั่งมุมไหนของร้าน สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเยี่ยมหน้าออกไปชมบรรยากาศส่องวิวที่ระเบียง เพราะจะเห็นทั้งลานถนนคนเดินด้านหน้า ถ้าขึ้นไปชั้นสูงๆ มองขวาก็เห็นศาลาว่าการ มองซ้ายก็เห็นท่าเรือ มองฝั่งตรงข้ามก็ยังเห็นลานคนเดินที่มีวัยรุ่นแวะเวียนมาทำกิจกรรม และยังจะได้เห็นแม่ค้าหาบเร่แบบเวียดนามสไตล์ที่มีเสน่ห์ในสายตานักท่องเที่ยวเสมอ รวมถึงร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ตั้งเป็นทางเลือกให้ลูกค้าอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามและตามตรอกซอกซอยรอบๆ อีกมาก
การขึ้นไปเที่ยวชมชิมร้านต่างๆ บนคาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ ใครกำลังขาดี คิดว่าเดินขึ้นตึก 9 ชั้นสบายๆ ก็เดินขึ้นบันไดไปเลย ข้อดีจะได้ชมความเก่า ชมกราฟิตี้อาร์ตระหว่างชั้นเพลิน ๆ ไป แต่ถ้าไม่ไหว มีลิฟท์บริการ ที่ลิฟท์จะมีคนเฝ้าอยู่ตลอดเพราะต้องเสียเงินค่าลิฟท์โดยสารประมาณ 5,000 ด่ง หรือประมาณ 5 บาท ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม
เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคอฟฟี่มาเนีย มีเวลาอยากจะมาสิงอยู่ทั้งวัน ก็จะได้ดื่มดำทั้งบรรยากาศกลางวันและกลางคืนไปเลยทีเดียว
แต่ไม่ว่าใคร อย่างน้อยถ้ามีโอกาสได้แวะไปที่ถนน Nguyen Hue ก็อย่าให้พลาดแวะไปเช็คอินที่คาเฟ่ อพาร์ทเมนท์ ถ้าไม่มีเวลาก็สั่งกาแฟเวียดนามแบบเทคอะเวย์ ติดมือไปชิมสักแก้วก็ยังดี
อ่อ แต่ขอกระซิบก่อนว่ากาแฟเวียดนามที่นี่ ราคาไม่เหมือนกาแฟโบราณบ้านเราหรอกนะ เพราะด้วยวัฒนธรรมกาแฟที่มีมายาวนาน เขาก็ถือว่ากาแฟเขาไม่น้อยหน้าใคร
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ราคากาแฟในตึกนี้คิดเป็นเงินไทยแล้ว อาจจะถูกกว่าสตาร์บัคส์แค่ 5-10 บาทเท่านั้น