ห้องอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมที่ JW Marriott Bangkok กับการตีความ ความญี่ปุ่นในแบบ “สึ”
มีบางร้านที่พอเอ่ยชื่อก็ชวนให้คิดถึงรสชาติญี่ปุ่นแท้แบบที่หากินยากในกรุงเทพฯ — “Tsu” คือหนึ่งในนั้น ห้องอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมของ JW Marriott Bangkok ที่เพิ่งกลับมาอีกครั้งหลังการรีโนเวทครั้งใหญ่ และแน่นอนว่า Sineha Bangkok ต้องไม่พลาดไปลอง
ชื่อ “Tsu” แปลว่า “ท่าเรือ” และคอนเซ็ปต์นี้ถูกถ่ายทอดในทุกดีเทลของการออกแบบ บรรยากาศภายในใช้ไม้ธรรมชาติ หิน และโทนสีอบอุ่น ให้ความรู้สึกสงบเหมือนอยู่บ้านญี่ปุ่นริมทะเล แต่ยังคงความหรูและร่วมสมัยอย่างมีรสนิยม
Sineha Bangkok ชอบฟีลใหม่นี้มาก — เป็นญี่ปุ่นที่ลักชัวรีขึ้น แต่ยังมีความอบอุ่นในแบบเดิม เหมือนอยู่ในโตเกียวที่ทันสมัยแต่ยังคงหัวใจของความดั้งเดิมไว้ครบถ้วน
เริ่มต้นมื้อด้วยรสสดจากทะเลญี่ปุ่น
มื้อของ Sineha Bangkok เริ่มต้นอย่างนุ่มนวลด้วย Hamachi Sweet Soy Sesame Sauce (390++ บาท) ปลาฮามาจิจากจังหวัดคาโกชิม่า เนื้อปลามีไขมันแทรกสวย สดฉ่ำ และหอมซอสวาซาบิงาเบาๆ เสิร์ฟคู่ซอสเทอริยากิรสละมุน เป็นคำเปิดมื้อที่ทั้งสดและกลมกล่อม
ต่อด้วย Japanese Wagyu Tataki (800++ บาท) เนื้อซากะจากจังหวัดซากะ เบิร์นไฟบางๆ แล้วราดซอสยูซุพอนสึที่หอมสดจากโคจิ กลิ่นเนื้อเบาแต่หอมควันละมุน ผสมความเปรี้ยวของยูซุได้ลงตัว — จานนี้คือญี่ปุ่นระดับ fine dining ที่ยังคงความอบอุ่นแบบ comfort food
เรียบง่ายแต่ซับซ้อนในรสชาติ
จานต่อมาคือ Japanese Kuroge Wagyu Gyoza (320++ บาท) เกี๊ยวซ่าที่ใช้เนื้อซากะและมิยาซากิผสมกัน ปรุงด้วยยูซุจากโคจิ แป้งบางกรอบ หอมวากิวเต็มคำ กินคู่ซอสพอนสึเย็นๆ คือคำที่สมบูรณ์แบบทั้งกลิ่นและรส
สำหรับสายเฮลตี้ Vegetable Roll (400++ บาท) คือเมนูที่ต้องลอง โรลผักสดแน่นราดด้วยโชยุทามาริจากจังหวัดไอจิ ที่ให้รสเค็มนุ่มและหอมถั่วเหลืองอ่อนๆ หรือถ้าอยากเพิ่มความจัดจ้าน Spicy Salmon Roll (500++ บาท) ก็เป็นอีกจานที่สนุก แซลมอนสดเนื้อแน่นกับซอสสไปซี่มาโยรสเผ็ดนิดๆ กินเพลินมาก
และสำหรับคนรักหมู Aichi Style Kurobuta Pork Miso Katsu (450++ บาท) คือความเข้มข้นแบบซามูไร หมูคุโรบุตะชุบแป้งทอดกรอบ เสิร์ฟกับซอสมิโสะฮัตโจจากจังหวัดไอจิ ที่หมักนานกว่า 2 ปีครึ่งจนได้รสเค็มหวานกลมกล่อม เป็นจานที่ทั้งดั้งเดิมและร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน
เส้นทรัฟเฟิลที่ละเมียดจนต้องหยุดคุย
หนึ่งในเมนูที่ทำให้โต๊ะของ Sineha Bangkok เงียบไปชั่วขณะคือ Truffle Udon Bliss (200++ บาท) เส้นอุด้งเย็นจากจังหวัดโทยามะ ทำด้วยมือแบบดั้งเดิม เสิร์ฟพร้อมซอสทรัฟเฟิลและเห็ดชิตาเกะ กลิ่นหอมละมุนไม่แรงจนกลบเส้น ทุกคำคือความนุ่ม ลื่น และหรูหราที่สัมผัสได้
ส่วนจานทอดที่ชวนยิ้มคือ Tiger Prawn and Chicken Okaki-Age (450++ บาท) กุ้งลายเสือและไก่ชุบแป้งแครกเกอร์เซมเบ้จากจังหวัดนีงาตะ กรอบเบา ไม่อมน้ำมัน เคี้ยวเพลินและหอมกลิ่นข้าวญี่ปุ่นบางๆ เป็น comfort dish ที่มีดีเทลเยอะกว่าที่เห็น
สดชื่น เบา และลงตัว
Silken Duck Salad (250++ บาท) คืออีกหนึ่งจานที่แนะนำ เป็ดรมควันหอมอ่อน เสิร์ฟกับข้าวญี่ปุ่นทอดกรอบและใบมิซูน่าจากอิบารากิ ให้รสเค็มละมุนและสดชื่นไปพร้อมกัน เหมาะกับคนที่อยากพักจากของหนัก
หรือจะลอง Sesame Tofu Tempura (260++ บาท) เต้าหู้งาทอดจากครีมงาจังหวัดมิเอะ นุ่มใน กรอบนอก หอมกลิ่นงาอย่างละเมียด เป็นเมนูที่เรียบแต่เต็มไปด้วยชั้นของรสชาติ
ไฮไลต์แห่งความหรูและหวานละมุนปิดมื้อ
สำหรับจานหลักที่สร้างความประทับใจที่สุดในมื้อคือ Hotate Kaiyaki (660++ บาท) หอยเชลล์ฮอกไกโดย่างมิโสะจากเกียวโต มิโสะสามชนิดทั้งชิโระมิโสะ ซากุระมิโสะ และบาร์เล่มิโสะ ผสมกันอย่างกลมกลืน เนื้อหอยเชลล์แน่น หวาน และหอมกลิ่นทะเลญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ปิดท้ายด้วยของหวานที่ทุกโต๊ะควรสั่ง Kinako Pudding Cream (290++ บาท) พุดดิ้งเนียนละเอียด โรยผงถั่วคินาโกะจากฮอกไกโด หอมถั่วคั่วบางๆ ให้รสหวานนุ่มละมุนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม กินกับชาเขียวร้อนคือคำว่าพอดีในทุกมิติ
Sineha Bangkok ว่า… Tsu คือญี่ปุ่นแท้ที่ควรกลับไปซ้ำ
หลังจากหลายปีที่ห่างหาย การกลับมาของ Tsu Japanese Restaurant คือการรีเฟรชความทรงจำของคนรักอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่วัตถุดิบที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น บรรยากาศที่ให้ความรู้สึกสงบแต่หรู ไปจนถึงดีเทลเล็กๆ ที่ทำให้มื้อหนึ่งมื้อกลายเป็นประสบการณ์
Sineha Bangkok ชอบที่นี่เพราะมันไม่ได้พยายามจะ “โมเดิร์น” จนหลุดจากราก แต่กลับต่อยอดความคลาสสิกให้ร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ใครที่คิดถึงรสชาติญี่ปุ่นแท้ในบรรยากาศอบอุ่นหรูหรา — Tsu คือคำตอบนั้น
Tsu Japanese Restaurant – JW Marriott Bangkok
📍 JW Marriott Bangkok
⏰ มื้อกลางวัน: 11.30 – 14.30 น. (จันทร์ – ศุกร์) / 11.30 – 15.30 น. (เสาร์–อาทิตย์)
⏰ มื้อค่ำ: 17.30 – 22.00 น. (ทุกวัน)
📞 สำรองที่นั่ง: 02-656-7700
🌐 www.tsubangkok.com