ชวนไปคลายร้อนกับข้าวแช่แรก ของโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ

และเซ็ทอาหารกลางวันสามคอร์สสุดคุ้มที่ห้องอาหาร Pavilion

ใครที่กำลังหามื้อกลางวันอร่อย ๆ ในบรรยากาศร่มรื่นใจกลางกรุงเทพฯ Sineha Bangkok ขอชวนไปลองของดีที่ห้องอาหาร Pavilion โรงแรม Dusit Thani Bangkok กันสักมื้อ ไม่ใช่แค่อาหารไทยที่รสชาติดีแบบครบรส แต่ยังเต็มไปด้วยความตั้งใจ ความพิถีพิถัน และกลิ่นอายความทรงจำที่อบอุ่นเหมือนบ้าน

ฤดูร้อนปีนี้ เชฟรสริน ศรีประทุม แห่งห้องอาหาร Pavilion ขอเปิดตัวเมนู ข้าวแช่ตำรับดุสิตธานี ซึ่งเป็นข้าวแช่แรกที่เสิร์ฟ หลังจาก โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เชฟรับรองได้ว่าไม่ได้มาแค่ความอร่อย แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนไปพร้อมกันด้วย เพราะวัตถุดิบหลักอย่างข้าวหอมมะลิที่ใช้ในข้าวแช่นั้น เป็นข้าวหอมมะลิ 105 ออร์แกนิกจากกลุ่มเกษตรกรที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งทางดุสิตธานีรับซื้อโดยตรงจากชุมชน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย Sineha Bangkok ขอปรบมือให้เลยค่ะกับหลักการดี ๆ แบบนี้

ข้าวที่ใช้หุงตามวิธีโบราณ เมล็ดเรียงตัวสวย ใส แช่ในน้ำลอยดอกไม้หอมอ่อน ๆ พร้อมอบควันเทียนแบบไทยแท้ เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงแบบจัดเต็มที่เชฟรสรินคัดสรรมาอย่างดี ทั้งลูกกะปิเนื้อปลาช่อนจากคลองโคน พริกหยวกสอดไส้กุ้งแม่น้ำ หอมแดงสอดไส้เนื้อปลา เนื้อฝอย หมูฝอย ไชโป๊วหวาน และพิเศษสุดกับพริกชี้ฟ้าทอดสอดไส้เนื้อปลาช่อนจากบางช้าง

ความสดชื่นยังไม่หมดแค่นั้น เพราะชุดข้าวแช่ที่นี่เสิร์ฟพร้อมยำมะม่วงแก้วขมิ้น และมะม่วงน้ำดอกไม้จิ้มน้ำปลาหวาน ตบท้ายด้วยมะกรูดลอยแก้วที่เย็นชื่นใจสุด ๆ ชุดข้าวแช่มีให้เลือกทั้งแบบนั่งทานในร้าน (980++ บาท) และแบบกล่องกลับบ้านหรือเป็นของฝาก (1,280+ บาท) เสิร์ฟถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้เท่านั้น

ในขณะที่ “ข้าวแช่” พาเราย้อนรอยความทรงจำแบบไทย ๆ Sineha Bangkok ก็ไม่อยากให้พลาดอีกหนึ่งเซ็ตเมนูใหม่ของห้องอาหาร Pavilion ที่เหมาะมากกับสายทำงานหรือคนเมืองที่อยากหามื้อกลางวันดี ๆ แบบรวดเร็วแต่มีกิมมิก — นั่นคือ เซ็ทอาหารกลางวันแบบสามคอร์ส (3-Course Lunch Set) ที่จัดเต็มทั้งรสชาติและความหลากหลาย

เซ็ทมื้อกลางวันสามคอร์สของที่นี่ให้ฟีลเหมือนนั่งกินข้าวบ้านเพื่อนที่เป็นเชฟมือทอง เริ่มต้นจากซุปหรืออาหารเรียกน้ำย่อย ที่เลือกได้จาก ต้มส้มปลากะพง, ยำส้มฉุนส้มโอขาวใหญ่กับหอยเชลล์ย่าง หรือจะลองเมนูประจำบ้านของเชฟรสรินอย่าง ต้มจืดเงาะใบชะคราม ก็เก๋ไม่เบา เพราะเป็นการยกระดับวัตถุดิบพื้นถิ่นอย่างใบชะครามจากสมุทรสงคราม ให้กลายเป็นซุปหอมละมุนแบบ fine dining

จานหลักก็ไม่แพ้กัน เพราะเชฟรสรินจัดมาให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ ผัดไทยซอสมะขามกับกุ้งแชบ๊วยจากกระบี่, เนื้อน่องลายตุ๋นสูตรดั้งเดิมของดุสิตฯ เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิออร์แกนิก (เมนูนี้เคยฮิตมากในยุคดุสิตธานีรุ่นก่อน เชฟเลยนำกลับมาปัดฝุ่นใหม่ให้รสเข้มขึ้นด้วยเต้าเจี้ยวสูตรลับจากราชบุรี) สำหรับสายไม่ทานเนื้อ ก็มีคอหมูดำย่างถ่านจากเชียงราย เสิร์ฟกับข้าวมันกะทิใบเตย และน้ำพริกมะขาม หรือเป็ดทอดซอสมะขามที่ใช้เทคนิคตุ๋นในน้ำมันแบบฝรั่งเศสมาช่วยให้หนังกรอบ เนื้อนุ่มแบบละลายในปาก

ปิดท้ายด้วยของหวานที่ช่วยเติมพลังหลังมื้อกลางวันอย่าง บัวลอยสามสีนมอัลมอนด์ ไอศกรีมไทยทรงเครื่อง หรือ ข้าวต้มน้ำวุ้นน้ำแข็งไส ที่ชวนให้นึกถึงขนมแบบบ้าน ๆ ที่เราคุ้นเคย เซ็ทสามคอร์สราคา 950++ บาท เสิร์ฟทุกวันตั้งแต่ 12.00 – 14.30 น.

สำหรับบรรยากาศของห้องอาหาร Pavilion นั้นก็ชวนให้ใจเย็นลงทันทีที่ก้าวเข้าไป ด้วยวิวสวนและลานน้ำตกใจกลางโรงแรมที่เงียบสงบเหมือนหลุดออกมาจากกรุงเทพฯ ที่ออกแบบโดยคุณ André Fu ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก ทำให้พื้นที่ดูมีชีวิตชีวาแบบเอเชีย ผสมกลิ่นอายย้อนยุคเบา ๆ มีมุมให้นั่งทั้งแบบติดสวน แบบกลางร้านสไตล์โต๊ะรับแขกบ้านเพื่อน และโซนครัวเปิดที่ให้เราได้เห็นเชฟลงมือปรุงอาหารจริง ๆ

ที่ Pavilion ยังมีอาหารจีนกวางตุ้งแบบดั้งเดิมให้เลือกสั่งเพิ่มได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นซุป ติ่มซำ หรือราดหน้าปลาเต้าซี่ บอกเลยว่าครบทั้งความอร่อยและความหลากหลายแบบจัดเต็ม มาเปิดประสบการณ์อาหารอร่อย ได้ที่ Pavilion, Dusit Thani Bangkok แล้วจะเข้าใจว่าทำไม Sineha Bangkok ถึงอยากแนะนำมื้อนี้ให้คุณ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.