ร้านอาหาร Neo-Indian ยกระดับสู่ปรัชญาแห่งความยั่งยืนที่กินได้จริง
Haoma ไม่ใช่แค่ร้านอาหารอินเดีย ไม่ใช่แค่ร้านมิชลิน 1 ดาว แต่เป็นระบบนิเวศที่มีลมหายใจของตัวเอง – ฟาร์มในเมือง ปรัชญาการกินอย่างรู้คิด และอาหารที่ออกแบบด้วยความทรงจำ ความเชื่อ และการเลือกทางจริยธรรมของเชฟ Deepanker Khosla หรือเชฟ DK ผู้เป็นทั้งนักปรุง นักปลูก และนักเปลี่ยนโลก ที่ยังพ่วงรางวัล Michelin Green Star อีกรางวัลด้วย
Sineha Bangkok ได้มีโอกาสมาสัมผัสเมนู 10 คอร์ส (4,590++) ของ Signature Meat & Seafood Experience และพูดได้เต็มปากว่า ทุกคำคือบทกวีของดิน น้ำ และไฟ ครบความตั้งใจของรสชาติ
เปิดฉากด้วยสแน็คที่ทั้งสนุก ซับซ้อน และเป็นการทักทายจากดินแดน Neo-Indian อย่างงดงาม
บาติปลามัคเคอเรลรมควัน แซนด์วิชบอมเบย์ ครูสตาดหอยเชลล์บ่มแห้ง และน้ำมะม่วงดิบปั่นเย็น คือเซ็ตของว่าง 4 คำที่อัดแน่นทั้งรสชาติ กลิ่น และเท็กซ์เจอร์ที่ไม่ซ้ำกัน เรียกน้ำย่อยแบบไม่ปราณีใคร โดยเฉพาะครูสตาดหอยเชลล์ที่บ่มมาอย่างดิบดี เคลือบด้วยรสเค็มของทะเลและความกรุบกรอบของแป้งอบแห้ง
Tomato Chaat – นี่คือจานที่พิสูจน์ว่า เชฟ DK ไม่ได้แค่ทำอาหารแต่ออกแบบอารมณ์ด้วยมิติของอุณหภูมิ และเสียงแตกตัวในปากของน้ำแข็งชอร์บา เยลลี่มะเขือเทศ และผักดอง เปรี้ยว เค็ม หวาน ครบในหนึ่งคำ ราวกับฤดูฝนในอินเดียมาเคาะประตูความทรงจำ
Tear Drop Peas – ถั่วรูปหยดน้ำ เสิร์ฟพร้อมไข่ปลาเทราต์ ผักดองกุ้ง และใบแนสเทอเรียม เป็นจานที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยชั้นเชิง กลิ่นทะเลเคล้ากับความหอมเขียวของใบไม้ และความเค็มนิด ๆ ของไข่ปลา บนความกรุบสดของถั่ว เป็นคำที่ปลุกประสาทรับรสแบบไม่ต้องใช้คำบรรยาย
Sea Urchin & Wild Fish – หอยเม่นทะเลจากระยะทางเพียง 170 กม. ถูกทำให้เป็นเอสพูม่าเนื้อเนียนราวครีมทะเล ก่อนจะทอดฟริตเตอร์บางเบาให้แนมคู่ กัดพร้อมกันแล้วเหมือนกินคลื่นซัดเข้าชายฝั่ง
จานต่อมา “ปลาทะเลธรรมชาติ” กับแกงอเลปปี้รสเข้มข้นคือรสชาติที่ปลุกความเป็นอินเดียด้วยความละเมียดของภาคใต้ พีนัทเทชาคือซอสเผ็ดมันที่น่าจดจำ
Lobster & Chicken or the Egg – ล็อบสเตอร์เนื้อแน่นจากสุราษฎร์ เสิร์ฟพร้อมแกง Pulissery เปรี้ยวละมุน คาเวียร์ และขนมปัง Ghee Roast Bao ที่ทั้งหอม ทั้งนุ่ม เหมาะกับการซับซอสทุกหยด
แต่จานที่ทำให้ Sineha Bangkok อยากปรบมือให้ไม่หยุดคือ Chicken or the Egg ที่ใช้ไก่จากฟาร์ม Haoma เอง หนังไก่แปรรูปเป็นแอโรว์ฟูกรอบเสิร์ฟบนซอสแกงมักกะหรี่ คือคำตอบของคำถาม “เกิดอะไรก่อน” ด้วยรสที่กลมและสร้างสรรค์จนอยากสั่งเพิ่ม
Lamb & Thai Jasmine Wagyu (Supplement Option) – จานแกะคือจานที่อบอุ่นที่สุด ทั้งจากมัสตาร์ดแมช เนื้อนุ่มนัว และข้าวยัคห์นีที่หอมกลิ่นกระวาน ชิโสะเพิ่มมิติความสดชื่นได้อย่างเหนือคาด
หากใครเลือกเพิ่มวากิวไทยบ่ม 45 วัน ขอให้เตรียมใจให้พร้อมสำหรับคำที่นุ่มลิ้นระดับละลายแต่ยังคง texture แน่นหนึบ สมราคาสาย carnivore
Honey Rasmalai & Textures of Chocolate – ปิดท้ายด้วยสองของหวานที่พาอารมณ์กลับสู่ดินแดนแห่งความอ่อนโยน – Rasmalai ที่ใช้คอทเทจชีสทำน้ำผึ้งหอม ๆ ผสมไอศกรีมซาฟฟรอนกับพิสตาชิโอคือคำหวานในความหมายที่ลึกส่วน “Textures of Chocolate” คือความหรูหราแห่งโกโก้ ผ่านซอร์เบต์ นูกัต และทองคำเปลว เหมือนบทสุดท้ายของนิยายปรัชญา
RITA — คู่ขนานแห่งจักรวาลเหลว
ถ้า Haoma คือหยาง ริต้าคือหยิน ค็อกเทลทุกแก้วที่เสิร์ฟในอุณหภูมิ -18°C ไม่มีน้ำตาล ไม่มีการเชคหรือคน ใช้เพียงผลไม้หมักและสมุนไพร จิบแล้วเหมือนนั่งสมาธิอยู่กลางป่าอินเดีย ที่มี คุณ Vishvas Sindana (Wine Director) ที่พร้อมจะแนะนำเครื่องดื่มทั้งก่อนมื้ออาหาร และไวน์ดีและแปลกจากทุกมุมโลกให้แพริ่งกับอาหารอย่างลงตัว
เรื่องเล่าผ่านระยะทางและรากเหง้า
ที่นี่ ทุกจานมีการบอก “ระยะทางวัตถุดิบ” ว่ามาจากที่ใด เพราะ Chef DK ไม่เพียงแต่เชื่อในเรื่อง “ความอร่อย” แต่ยังเชื่อในความยุติธรรมต่อดิน ต่อชาวนา และต่อโลก วัตถุดิบหลายอย่างที่เชฟปลูกและเลี้ยงเองทั้งสวนผัก ที่เดินเข้าร้านมาก็เห็นเลย หรือบ่อปลาใกล้ ๆ กันกับสวนผัก ไก่จากฟาร์มที่เชฟเลี้ยงเอง เป็นต้น
Haoma คือหนึ่งในร้านแรกในเอเชียที่ได้รับ Michelin Green Star ควบคู่กับ Michelin Star ซึ่งไม่ใช่แค่รางวัล แต่คือการยืนยันว่า “แนวคิด” และ “รสชาติ” สามารถไปด้วยกันได้จริง
Sineha Bangkok ขอสรุปแบบไม่อ้อมค้อมว่า
Haoma คือประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่ fine dining แต่คือ “การกินอย่างรู้ตัว” ในระดับที่ลึกที่สุด และเชฟ DK คือศิลปินผู้ใช้ไฟและดิน สร้างสรรค์อาหารที่มีทั้งหัวใจ และความทรงจำ ดั่งคำพูดของเชฟที่ว่า…
“We Grow what we cook, We cook what we love”
หากคุณเชื่อว่าอาหารสามารถเปลี่ยนโลกได้ — จงมาที่ Haoma ซ.สุขุมวิท 31 โทร 02 544 0449
