ไปพัทยา ไม่ต้องกินแต่อาหารทะเลก็ได้นะ  Sineha Bangkok จะพาไปกินปิ้งย่างพรีเมียมสไตล์ยากินิกุ แต่ราคาสวนทางแบบสบายกระเป๋า แถมบรรยากาศร้านดีมากกกก

Grillicious ร้านปิ้งย่างสไตล์ยากินิกุ เกิดจากความชื่นชอบรับประทาน ‘เนื้อวัว’ ของคุณโก้ (เจ้าของร้าน) แต่อยู่พัทยา กลับหาร้านเนื้อย่าง หรือ ยากินิกุ ยิ่งเนื้อย่างแบบพรีเมียมด้วยยิ่งหาไม่เจอ เลยตัดสินใจเปิดเองเสียเลย ลงมือเองทั้งที่ก็เต็มที่ อยากให้พัทยามีร้าน Japanese BBQ แท้ ๆ ที่มีเนื้อคุณภาพในราคาจับต้องไหว ใคร ๆ ก็จะได้กิน ก็เลยเกิดเป็น Grillicious ขึ้นมา

Grillicious ใส่ใจตั้งแต่การออกแบบร้าน เน้นดีไซน์ที่ฉีกพิมพ์นิยมร้านปิ้งย่าง เน้นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สอดรับกับสภาพภูมิอากาศ การรับลม และแสงธรรมชาติ

โชคดีที่พื้นที่ร้านกว้างมาก เลยแบ่งดีไซน์ได้ถึง 7 โซนนั่ง โซนพื้นที่ภายในอาคารสามารถเปิดหน้าต่างและประตู เพื่อเปิดรับความเป็นธรรมชาติและช่วยระบายอากาศ และรับลมได้ดีจากทิศใต้ทางหน้าร้านอีกด้วย เหมาะกับยุคนี้ที่ต้องการร้านอาหารที่มีพื้นที่เปิดโล่งมากกว่าเป็นห้องปรับอากาศ แต่ถ้าร้อนยังไงห้องปรับอากาศก็พร้อมรองรับตลอดเช่นกัน

ดีไซน์ของร้านไม่ใช่แค่สวย คำนวณการรับลมรับแสงอย่างเหมาะสม และแน่นอน ถ่ายรูปสวยกว่าทุกร้านปิ้งย่างใด ๆ  

อีกหนึ่งกิมมิกเล็ก ๆ ของดีไซน์คือ การออกแบบตกแต่งภายในที่สะท้อนภาพของร้านปิ้งย่างสไตล์ RUSTIC JAPANESE ตรงทางเข้าร้านจะมีการจำลองถ่านชาร์โคล ซึ่งเมื่อถึงเวลาเย็นพอเปิดไฟจะเป็นสีแดงเสมือนอยู่ในเตาปิ้งย่างเลย และนอกจากนี้ยังนั่งกินได้อย่างสบายใจด้วย ไม่ต้องกลัวตัวเหม็นเลยเพราะเรื่องระบบดูดควันออกแบบมาดีมากเช่นกัน

 

Grillicious ให้บริการทั้งแบบ A La Carte เลือกสั่งเมนูที่ชอบกันตามสะดวก และ Buffet แบบจุใจ ที่มี 2 ราคาให้เลือก Set A (หมู และไก่) ราคา 580 บาท และ Set B (Beef & Seafood) ราคา 880 บาท

Set B คุ้มค่ามาก จัดเต็มครบเลย คนรักเนื้อไม่ควรพลาดเลย เพราะมีเนื้อลายสวยคุณภาพ นำเข้าถึง 3 ตัวในเซ็ต อย่าง Karubi (カルビ) เนื้อส่วนซี่โครงที่มีไขมันกระจายอยู่ทั่ว ถือเป็นส่วนเนื้อยอดนิยมเหมาะสำหรับ ยากินิกุ มาก, Harami (ハラミ) เนื้อส่วนพื้นท้อง จะเด่นเรื่องความนุ่ม ยิ่งย่างยิ่งชุ่มฉ่ำ มีส่วนไขมันน้อยกว่าเนื้อ Karubi อร่อยแบบลีน ๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดแต่อย่างใด และ Rosu (ロース) เป็นเนื้อส่วนสันนอกบริเวณสันหลังของวัว มีไขมันแทรกกระจายในปริมาณที่พอดี เนื้อมีความละเอียด รสชาติดี ไม่เหนียวจนเกินไป อร่อยไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ  นอกจากนี้ใน Set B ยังมี Seafood หลากหลายเมนู ให้จัดเต็มด้วยสำหรับซีฟู้ดเลิฟเวอร์

แต่สำหรับคนไม่เน้นปริมาณ ต้องสั่งแบบ A LA Carte แต่ก็ได้คุณภาพเน้น ๆ เพราะนอกจาก 3 เนื้อที่กล่าวมาข้างต้น ยังมี Tan (タン) หรือส่วนลิ้นวัว ถือเป็นส่วนที่ใครหลาย ๆ คนหลงรัก เพราะความกรุบของเนื้อ ทำให้เคี้ยวเพลิน ส่วนใหญ่เมื่อได้ลองมักจะติดใจทุกราย หรือเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย อเมริกา ทั้งวากิวญี่ปุ่น, A4, A5, ริบอายส์, สตริปลอยด์, ไซโคโระ หรือ โฮเนซึกิ คือตัวเลือกเยอะมากจริง ๆ เป็นสวรรค์ย่อม ๆ ของคนรักเนื้อโดยแท้

ส่วนสายหมู อย่างเพิ่งน้อยใจ มีให้ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ทั้งคอหมู, ซี่โครงหมู, หมูสามชั้น, สันคอหมู, หมูสันนอก, หมูสันใน, ไส้อ่อนหมู, แถมด้วยไส้กรอกอาราบิกิ,ไก่, กุ้ง, ปลาหมึก, ปลาแซลมอน หรือ หอยเชลล์ฮอกไกโด คือดีงาม

และทีเด็ดอีกอย่างของที่ร้าน คือ สูตรหมักเฉพาะ ที่มีให้เลือกถึง 4 แบบ ทั้ง หมักเกลือพริกไทย (Shio), หมักน้ำมันงา (Goma Abura Shio), หมักวาซาบิ (Wasabi) และ หมักซอสญี่ปุ่น (Ta-re) แนะนำให้สั่งทุกแบบมาลองจะได้รู้ว่าชอบแบบไหนที่สุด

สำหรับเมนูทานเล่น มีให้เลือกสั่งทั้งสลัดผัก กิมจิ ที่เป็นสูตรที่ทางร้านทำเองตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ ๆ เน้นเครื่องหมักรสชาติเข้มข้นแต่อร่อยกลมกล่อม แต่ที่ติดใจแอดมินที่สุดก็คือ ข้าวยำ Bibimbab รสชาติไม่เผ็ดมาก คนไม่กินเผ็ดกินได้สบายเลย ส่วนใครชอบเผ็ดมากก็เติมเผ็ดเพิ่มได้เช่นกัน (แอบกระโดดไปเกาหลีนิดหนึ่ง แต่ก็นะวัฒนธรรมใกล้กันนี่นา)  

Grillicious เป็นร้านปิ้งย่างคุณภาพ ราคาไม่แพงที่ Sineha Bangkok ขอแนะนำ กดติดตามเพจร้านไว้ได้เลย เพราะทางร้านมักจะมีโปรโมชั่นพิเศษ ๆ ให้ลูกค้าบ่อย ๆ  

Grillicious Japanese BBQ