The Good Old Times มื้อพิเศษกับ 6 Hand Chef ที่ Coda Bangkok

The Good Old Times ที่รวมเชฟในตำนาน 3 ท่าน 6 มือ มาร่วมสร้างมื้ออาหารพิเศษอันน่าประทับใจไม่รู้ลืมที่ร้านอาหาร Coda Bangkok เรียกว่าเป็นมื้อประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ Sineha Bangkok รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมประสบการณ์กับมื้อประวัติศาสตร์ในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง

ร้าน Coda Bangkok เป็นร้านอาหาร Modern Interpretation of Thai - Chinese Cuisine นำทีมโดย เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล ที่เปิดร้านอาหารนี้ขึ้นมาเพราะได้แรงบันดาลใจและอิทธิพลมาจากคุณแม่ของเชฟแท๊ป ซึ่งเมื่อก่อนคุณแม่เปิดร้าน มหาชัยซีฟู้ด จนในที่สุด เชฟแท๊ปก็เปิดร้านของตัวเองในชื่อว่า Coda Bangkok

Sineha Bangkok ขอเล่าย้อนให้ฟังถึงที่มาของมื้อพิเศษ The Good Old Times ที่ต้องย้อนเรื่องราวกลับไปเมื่อ 7-8 ปีก่อน สมัยที่ เชฟ ไฮเคิล โจฮารี (Haikal Johari) เป็นเชฟผู้บุกเบิกร้าน Water Library สาขาทองหล่อ ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารที่ใหม่มากในยุคสมัยนั้น เชฟแท๊ปได้ไปขอเป็นเด็กฝึกงาน และเป็นเด็กฝึกงานคนไทยเพียงคนเดียวที่ Chef Haikal รับเข้าฝึกงานอย่างใกล้ชิด  

ตลอดเวลาที่ฝึกงาน Chef Haikal พูดกับเชฟแท๊ปแทบจะทุกวันว่า “Tap, you gotta stay humble ah?” เพราะสิ่งที่ Chef Haikal อยากให้เชฟแท๊ปมีติดตัวตลอดอาชีพการทำอาหารคือ ความถ่อมตน และความไม่ยอมแพ้ แต่หลังจากที่เชฟแท๊ปฝึกงานจบได้ไม่นาน เรื่องราวที่น่าเศร้าก็เกิดขึ้น Chef Haikal ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส ขนาดที่ว่าไม่สามารถหายใจเองได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ ทำให้สามารถหายกลับมาเดินปกติได้อีกครั้ง เชฟแท๊ปเสียใจมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ Chef Haikal เลยสัญญากับตัวเองไว้ว่าหากมีโอกาสได้เปิดร้านเป็นของตัวเองจะทำเมนูมอบให้กับ Chef Haikal ซึ่งเชฟแท๊ปก็ได้นำเมนูดังอย่าง Cold Pasta ของ Chef Haikal มาเป็นแรงบันดาลใจ และปรับให้เป็นสไตล์ของตัวเอง เชฟแท๊ปรังสรรค์เมนูเสฉวน Cold Pasta และตั้งคำมั่นสัญญาว่าจะไม่เปลี่ยนเมนูจนกว่า Chef Haikal จะได้มาชิมเองที่ร้าน    

จนในที่สุดเมื่อ Chef Haikal ได้มีโอกาสมาชิมที่ร้าน Coda Bangkok ก็พูดขึ้นมาว่า We should cook together again ! เชฟแท๊ปตกลงทันที และ Chef Haikal ยังได้ชวน Chef Mirco Keller จากร้าน Keller Bangkok มาร่วมด้วย นั่นคือที่มาของมื้อพิเศษที่เปิดให้จองก็เต็มภายในไม่กี่นาที

The Good Old Times ที่ร้าน Coda Bangkok ใน ราคา 3,450 บาท++ ซึ่งจะมี Signature ของเชฟแต่ละท่าน รวมถึงเมนูชื่อดังของ Chef Haikal อย่าง Original Cold Obsiblue Cold Capellini ด้วยอย่างแน่นอน ตาม Sineha Bangkok มาดูเมนูแต่ละจานกันได้เลย

SNACKS

CHUTOROจานนี้เป็นของ Chef Haikal ด้านล่างตัวที่เป็นฐานจะเป็น Dashi เมอร์แรง (Meringue) ส่วนตัว Chutoro เอาไป Marinade หรือหมักกับซอส Ponzu และท็อปด้วย Eggplant Purée 

SCALLOPจานนี้ของเชฟแท๊ปที่ทำมาในรูปทรง Oyster ที่ดูยังไงก็เหมือน แต่ข้างในจะเป็น Scallop ผัดกับน้ำพริกเผาและโหระพา ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือกเลย Sineha Bangkok ยอมรับเลยว่า เริ่มต้นก็อร่อยติดใจแล้ว ซึ่งเมนูนี้ได้ Inspiration มาจากหอยลายผัดน้ำพริกเผา เมนูเด่นของร้านมหาชัยซีฟู้ด นั่นเอง  

BERLINER SENFEIจานนี้จะเป็นเมนู Signature จาก Keller Bangkok ของ Chef Mirco ข้างล่างจะเป็น Smooth Potato ด้านในจะมีไข่เป็ด และท็อปด้วย Beetroot Dome และ Caviar อยู่ด้านบน

APPETIZER

ÖRA KING SALMONAppetizer จานแรกนี้มาจาก Chef Mirco ที่ใช้เนื้อแซลมอนจากนิวซีแลนด์ที่ cook ในองศาต่ำเพื่อให้เนื้อปลามีเท็กเจอร์คล้าย ๆ Smoke salmon อยู่ใน Honey Yuzu Dressing และโรยด้วย Bread crumble ในสไตล์ Scandinavian และท็อปด้วยสาหร่ายพวงองุ่น เป็นเมนูปลาที่กินแล้วสดชื่นมาก

OBSIBLUE PRAWN – Signature Menu from Chef Haikalที่ใช้เส้น Cappelini ใน Hijiki Seaweed Sauce ที่ด้านบนท็อปด้วย Uni, OBSIBLUE PRAWN และไข่ปลาเทร้า และประดับด้วยดอกไม้ Garlic Flower ที่สามารถทานได้ อร่อยเครื่องแน่นสมกับเป็นซิกเนเจอร์

 

GRILLED SQUIDเมนูปลาหมึกมหาชัยย่างจากเชฟแท๊ป ที่เชฟใช้วิธีเซีย ทำให้เนื้อปลาหมึกนุ่มาก มีรสชาติสดชื่นจาก Apple ส่วนตัวชิพ ก็ทำเป็น Squid Ink Chips 

ส่วนตัวซอสทำจากปลาแมคเคอเรลที่เอาไปต้มกับ Kombucha ซึ่งทานรวม ๆ กันแล้วให้อารมย์เหมือนทานปลาหมึกย่าง แต่ดีมากส่วนตัว Sineha Bangkok ชอบจานนี้มากค่า

KEGANI ปูขนญี่ปุ่นจากฮอกไกโด ที่มีหอมใหญ่, Almond foam และ Chestnut Crème หรือเกาลัด แล้วท็อปด้วย Caviar และ Onion Jelly จานนี้รสชาติเข้มข้นและชัดทุกวัตถุดิบที่ใส่ จาก Chef Haikal

BLACKFIN SEABASSเมนูปลาจานนี้ ด้านบนจะเป็น ดอกกะหล่ำ และมีผักชีลาว พริกญี่ปุ่น ส่วนด้านล่างจะเป็น Beurre Blanc ที่รสชาติกลมกล่อมมากเช่นกัน

MAIN

DRY-AGED DUCK –  เมนูเป็ดนอกจากจะเป็น Signature ขึ้นชื่อของเชฟแท๊ป และ Coda Bangkok แล้วยังเป็นเมนูที่เชฟแท๊ปชอบทำ เพราะเคยเป็นเมนูที่คุณปู่เคยทำให้ทานสมัยเด็ก แต่เชฟเอามาครีเอทในสไตล์เชฟ ที่ทำออกมาเป็นแบบเป็ดกาแฟคั่ว โดยเลือกใช้เป็ด Free range และ Dry aged 7 วัน ก่อนนำไป Sear และราดด้วยซอส Roasted Coffee Jus ทานคู่กับ Onion Cake รสชาติเป็ดดีและนุ่มจริงจัง ไม่แปลกใจทำไมถึงเป็น Signature Menu

WAGYU BEEF RIB-EYE or PORKมีให้เลือกว่าจะจานหมูหรือเนื้อ ตัวเนื้อจะเป็นเนื้อออสเตรเลี่ยนวากิว มาเบิ้ลเบอร์ 8 (ตามวิธีการคัดเกรดเนื้อของออสเตรเลีย ที่ดีสุดจะอยู่ในระดับ 8-9) เมื่อเนื้อดีทุกอย่างก็ออกมาดี ตัวซอสใช้ไขมันของเนื้อมาทำ และทานคู่กับบ๊อกฉ่อยและมะม่วงที่ออกรสเปรี้ยว เพิ่มรสชาติขึ้นไปอีก 

ส่วนหมู จะทำแบบ Config คือเอาไปทอดก่อน แล้วราดด้วยซอสที่ทำจากไขมันของหมู ทานคู่กับบ๊อกฉ่อยและมะม่วงเช่นกัน อยากจะบอกว่า ดีทั้ง 2 จาน นุ่มมาก เลือกแล้วก็รักพี่เสียดายน้องเลย ^_^

DESSERT

GREEN MANGO ที่ใช้มะม่วงแรดมาทำซอเบท์ โดยมี Inspiration มาจากมะม่วงน้ำปลาหวาน รสเค็มจาก กุ้งแห้งป่น และ น้ำปลา รสชาติมะม่วงน้ำปลาหวานชัดตรงปกมาก ช่างครีเอทสุด

COCONUT จานนี้มี Inspiration มาจากครองแครงน้ำกะทิ มีโมจิที่ข้างในมีไส้โคโค่นัทมูส Sineha Bangkok เพิ่งเคยกินโมจิถูกใจก็คราวนนี้ บอกได้เลยว่าอร่อยกว่าโมจิญี่ปุ่นที่เคยกินมา และเต็มไปด้วยมะพร้าวทั้งไอศกรีมที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าวและ ตัวอื่น ๆ เน้นมะพร้าวเป็นหลัก ทำออกมาได้ดีทีเดียว

PETIT FOURS เด่นสุดต้องให้ Canalé อร่อยแปลกไม่เหมือนที่ไหน ข้างนอกกรอบแบบกรอบเลย ส่วนข้างในนุ่ม ขนมชั้นและ ช็อคโกแล็ต ก็อร่อยปิดท้ายอย่างสวยงาม

เป็นมื้อพิเศษที่อร่อยประทับใจทุกจาน แล้วอย่าลืมแวะไปชิมฝีมือเชฟแท๊ป หรือติดตามมื้อพิเศษแบบนี้ได้ที่ Coda Bangkok นะคะ อีกหนึ่งร้านที่ Sineha Bangkok แนะนำ  

Coda Bangkok 

  • อาคารสินธร ถนนวิทยุ โซนกลาสเฮ้าส์, 130-132 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 
  • โทร: 083-959-6296 
  • Line ID: @codabangkok 
  • Instagram: @codabangkok
 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.