ซินดี้ สิรินยา–อาจารย์ช้าง ชวนเลิกซื้อ เลิกใส่เครื่องประดับจากงาช้าง
องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา หรือ ยูเอสเอด (USAID) องค์กรไวล์ดเอด (WildAid) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ร่วมกันเปิดตัว โครงการรณรงค์ ล่าสุด ‘งาช้างอยู่กับช้างใช่ที่สุด – Only elephants wear ivory best’ เพื่อลดความต้องการซื้อและสวมใส่ เครื่องประดับจากงาช้างในหมู่ผู้ใช้ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง พร้อมเผยแพร่โฆษณารณรงค์ 2 เรื่อง ที่มี ซินดี้ สิรินยา บิชอพ นักแสดง นางแบบ และอาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา นักโหราศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยชื่อดังเป็นทูตโครงการ
โครงการ ‘งาช้างอยู่กับช้างใช่ที่สุด – Only elephants wear ivory best’ ได้รับการพัฒนาต่อยอด มาจากโครงการ รณรงค์ ‘สวยที่ใจไม่ใช่ที่งา – Beautiful without ivory’ ซึ่งถือเป็นโครงการแรกของ USAID ที่มีเป้าหมายสื่อสารถึงผู้นิยมสวมใส่ และผู้มีความต้องการซื้อเครื่องประดับจากงาช้าง เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของผู้ใช้ที่เชื่อว่างาช้างเป็นของสวยงาม
“ซินดี้ปฏิเสธการถ่ายแบบ และการทำงานที่ต้องสวมใส่เครื่องประดับที่ทำจากงาช้าง และชิ้นส่วนจากสัตว์ป่า หรือแม้แต่เสื้อผ้า ที่ทำจากขนสัตว์มาโดยตลอด เพราะซินดี้เชื่อว่า สิ่งที่มาจากสัตว์ป่า เช่น งาช้างจะสวยที่สุดและมีคุณค่าที่สุด เมื่ออยู่กับช้าง เท่านั้น สำหรับโครงการนี้ ซินดี้หวังว่าจะมีส่วนช่วยสื่อสารเรื่องนี้ไปยังผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้สังคม ในวงกว้าง ไม่ยอมรับการซื้อและการสวมใส่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และหยุดความต้องการใหม่ๆ ในอนาคต” คุณซินดี้ กล่าว
นอกจากนี้ โครงการรณรงค์ยังมีเป้าหมายเพื่อลดแรงจูงใจในการซื้อและสวมใส่เครื่องประดับจากงาช้างที่มาจากความเชื่อว่างาช้างจะช่วยเสริมดวง และนำมาความโชคดีมาสู่ผู้สวมใส่ โดยอาจารย์ช้างจะช่วยสื่อสารไปถึงผู้ติดตามและตั้งคำถามต่อความเชื่อดังกล่าว
“สิ่งที่จะช่วยเสริมดวงให้ดีขึ้นต้องมาจากจุดเริ่มต้นที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องรางจากงาช้างที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการเบียดเบียนช้างนั้นจะส่งผลให้ชีวิตของเราดีได้อย่างไร การที่เรามีจิตที่เป็นกุศลมีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายถือเป็นความดีที่จะช่วยเสริมให้ชีวิตของเรามีแต่สิ่งดีๆเกิดอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคืองาช้างจะสวยและมีคุณค่าที่สุดเมื่ออยู่กับช้างเท่านั้น” อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา กล่าว
ผลการวิจัยผู้บริโภคและใช้งาช้างและผลิตภัณฑ์จากเสือโคร่งในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561 โดย USAID พบ คนไทยร้อยละ 2 มีหรือใช้ชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์จากงาช้าง และคนไทย ร้อยละ 3 มีความตั้งใจที่จะซื้องาช้าง หรือผลิตภัณฑ์ จากเสือโคร่ง ในอนาคต แม้ว่าสัดส่วนนี้จะต่ำ แต่ผู้นิยมผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีส่วนผลักดันตลาดภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ การรณรงค์สื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมและพฤติกรรม จึงมีความสำคัญต่อการลดความต้องการผลิตภัณฑ์งาช้าง และ จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง
ผลการสำรวจหลังการดำเนินโครงการรณรงค์สื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมและพฤติกรรม ของ USAID ปี พ.ศ. 2563 พบว่า ผู้ที่เห็นสื่อโครงการ “สวยที่ใจไม่ใช่ที่งา” ที่ตอบว่ามีความตั้งใจจะซื้อผลิตภัณฑ์งาช้าง มีจำนวนลดน้อยลงถึง ร้อยละ 50 และคนที่เห็นด้วยว่า การซื้อผลิตภัณฑ์งาช้างไม่อาจเป็นที่ยอมรับในสังคมมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเปรียบเทียบกับผลการวิจัยผู้บริโภคของ USAID เมื่อปี พ.ศ. 2561
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ได้ทำงานร่วมกับ USAID และองค์กรไวล์ดเอด (WildAid) อย่างใกล้ชิดในการดำเนินโครงการรณรงค์เพื่อลดความต้องการผลิตภัณฑ์จากงาช้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งการลดความต้องการของผู้บริโภค ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการยับยั้งการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส (CITES)
การเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับการรณรงค์เพื่อลดความต้องการผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า อย่างเช่น โครงการ “งาช้างอยู่กับช้างใช่ที่สุด” จะช่วยสร้างทัศนคติใหม่ในสังคม ที่จะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าและนำไปสู่การป้องกันการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายได้
นอกจากนี้ USAID องค์กรไวล์ดเอด และกรม อส. ร่วมกันผลิตรายการพิเศษเพื่อเปิดตัวโครงการณรงค์ ออกอากาศ สดผ่านทางเฟซบุ้คของ WildAid Thailand โดยมีคุณซินดี้ อาจารย์ช้าง ตัวแทนจาก USAID และกรมอส. ร่วมพูดคุยถึง สถานการณ์ล่าสุดของการค้างาช้างผิดกฎหมาย และแบ่งปันมุมมองการใช้ชีวิต โดยไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์จากงาช้าง
ชมย้อนหลังได้ทางเฟซบุ้ค WildAid Thailand และติดตามสื่อรณรงค์โครงการ “งาช้างอยู่กับช้างใช่ที่สุด” ผ่านช่องทางโซเชียล มีเดีย และสื่อโฆษณานอกบ้านเร็ว ๆ นี้